จากการที่ป้ายา และผองเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกัน ตามหากันจนเจอ จากที่เขาเรียกว่า โลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก ความรักความผูกพันเมื่อ 34 ปีที่แล้วเริ่มปรากฏขึ้นมาในจิตสำนึก เริ่มค้นหาภาพเก่าๆมาอวดกัน ทำให้รู้ว่าความสัมพันธ์ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่รอโอกาสดีๆเท่านั้นเอง
สามารถ รวมกันได้ 13 คน จึงนัดแนะกันว่าจะนัดเจอกัน ด้วยเหตุผลว่า เราแก่แล้ว ถ้าไม่ไปหากันวันนี้เกิดตายจากกันแล้วจะได้เจอกันไหม พอดีกับที่โรงเรียนของเพื่อนมีการจัดงานผ้าป่าศิษย์เก่าเพื่อซื้อที่ ทำเป็นแหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง จึงนัดแนะเจอกัน โดยออกตามหาเพื่อนตามรายทาง34 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2524 ที่เรียนจบที่ไม่ได้เจอกัน เพื่อนบางคนไม่มีอินเทอร์เน็ตแต่ตามหาตามคำบอกเล่า เจอกันแบบไม่คาดคิด
กับข้าวที่สรรหาตามความชอบของเพื่อนๆ ต้มเปรตปลาไหลค่ะ
นำเงินผ้าป่าที่ได้ถวายพระก่อนค่ะ รับพร ได้ของขลังกันถ้วนหน้า
ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก กับโฉนดใบหญ่ายยยย ที่นาที่ซื้อให้โรงเรียน ตลอดทั้งวันมีศิษย์เก่าหลายรุ่นทยอยนำเงินผ้าป่ามาสมทบ มีการแห่บรรยากาศน่าสนุกมาก
บรรยากาศการพบกันวันนั้น เต็มไปด้วยความสุขค่ะ
ในวันนั้น เราพูดถึงเพื่อนรักอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่มาของหัวข้อที่ป้ายาเขียนไว้ เมื่อมีโอกาสเราควรจะทำเพื่อให้กำลังใจกันสิ่งหนึ่งที่ป้ายากลัวคือสิ่งที่เราอยากจะทำแต่ไม่ได้ทำค่ะ
เพื่อนๆถามหาเพื่อนรักอีกคนหนึ่งที่ป้ายารักมาก และคิดถึงเขาตลอด สมัยเรียนเราดูแลกัน พักที่เดียวกัน เพื่อนเล่าสู่กันฟังว่า เขาไม่สบายมาก เดินไม่ได้จากเส้นเลือดในสมองแตก ไม่มีใครมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเขาเลย เพราะครอบครัวเขากีดกัน แม้จะรู้ว่าอยู่ที่ไหน ไม่เปิดโอกาสให้ใครเข้าเยี่ยม ก็คงเป็นเหตุผลของเขาที่เราไม่รู้ ในขณะเดียวกัน ป้ายาก็ยังเสียดายโอกาสที่จะได้เจอกันและให้กำลังใจกัน ทุกครั้งที่เห็นพี่น้องบ้านสวนได้พบหน้ากัน ป้ายาแอบมีความสุขไปด้วย
ขอบคุณบ้านสวนพอเพียง ผู้ใหญโสทร ประธานแจ้ว พี่น้องบ้านสวนพอเพียงทุกท่านที่ให้โอกาสแบ่งปันความรู้สึกดีๆค่ะ